แก้โรคติดหวาน ไม่ยากอย่างที่คิด

สำหรับ ทานใดที่ชอบรับประทานหวาน จนทำให้ รู้สึกว่าร่างกายของเราติดหวานหรือกินหวานมากเกินไปแล้วอยากลด มาอ่านบทความนี้รับลองช่วยคุณได้ กับ 5 วิธีง่ายๆ ในการแก้ โรคติดหวาน

ก่อนอื่นเลย เรามาเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า ความหวาน มันคืออะไร แล้วทำไมมันถึง เกิดความหวาน ขึ้นมาได้ เราจะมาอธิบาย กันให้เข้าใจกันง่าย ๆ ก่อน ว่ามันคืออะไร เพื่อให้คนที่สนใจในข้อมูล ได้เข้าใจ และ ถือว่าเป็นคำตอบให้ใคร ๆ หลาย ๆ คนที่กำลัง เกิดความสงสัย กันอยู่

ความหวาน มันถือ เป็นรสชาติ พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ และ ต้อง ยอมรับ เลยว่า มันเป็น รสชาติ ที่ไม่ว่าใคร ๆจะเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ส่วนมาก ก็ชื่นชอบ นรสชาติ หวาน กันพอสมควร และเราจะ รับรู้เมื่อรับประทานอาหารที่ อุดมไปด้วย น้ำตาล เละ โดยทั่วไปแล้ว รสชาติหวาน ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจ ยกเว้นเมื่ออยู่ในปริมาณที่มากเกินไป และ นอกจากน้ำตาล เช่น ซูโครส แล้วสารประกอบทางเคมีอื่น ๆ มันก็ยังมี อีกมากมายที่มี รสหวาน รวมทั้ง อัลดีไฮด์ คีโตนและ รวมไปถึง น้ำตาลแอลกอฮอล์ บางชนิด และ สำหรับ รสชาติ หวาน มันจะ มีรสหวานที่ความเข้มข้นต่ำมาก ทำให้สามารถใช้ แทนน้ำตาลที่ไม่มีแคลอรี่ได้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำหวานดอกมะพร้าว ที่เป็นความหวาน ที่ได้จาก ธรรมชาติ มันจึงมีประโยชน์ ต่อร่างกาย ของเรา มากกว่า น้ำตา ธรรมดา ๆ ทั่วไป และ  สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาลดังกล่าวได้แก่ ขัณฑสกร และ สารให้ความหวาน สารประกอบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น มิราคูลิน อาจเปลี่ยนแปลงการรับรู้ความหวานได้ นั่นเอง

บางคนบริโภคน้ำตาล ในปริมาณมาก จนร่างกาย ไป และ มันอาจ ส่งผลเส่ย ต่อร่างกายของเรา และ มันอาจทำให้เรา เสพติดความหวาน จะรับประทานอะไรก็ต้องเติมน้ำตาล ต้อมีความหวาน และ ในที่สุดเขาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นคนที่เสพติดน้ำตาลโดยไม่รู้ตัว หรือที่เราเรียกกันว่า " โรคติดหวาน " ได้เลย นั่นเอง

         อย่างที่เรา รู้กันอยู่แล้วว่า การรับประทาน อาหารที่มีส่วนผสมของ ' น้ำตาล ' อยู่เป็นจำนวนมากนั้น ไม่เป็นผลดีต่อ ร่างกาย ของเรา เพราะ เนื่องจาก น้ำตาล ที่มากเกินกว่า ความจำเป็นของ ร่างกาย ที่มัน จะถูกเปลี่ยน ให้เป็นไขมันสะสม และ รวมไปถึง ไขมันตัวร้าย เหล่านี้จะ ก่อให้เกิด โรคต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน โรคหัวใจ หรือ รวมไปถึง โรคเบาหวาน รวมถึง ยังทำให้ผิวของคุณแห้งเหี่ยวก่อน วัยอันควรอีกด้วย 

วิธีแก้โรคติดหวานแบบ ไม่เครียด

• 1. ทำใจให้สบาย เพราะ เราจะไม่เลิกแบบหักดิบ แต่จะเป็นการค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ลดปริมาณ น้ำตาล ที่รับประทานในแต่ละวันให้น้อยลงกว่าเดิม
• 2. เลิกกิน หรือ รับประทาน ของหวาน หลังอาหารทุกมื้อ และเราควรที่จะ ลองลดของ หวาน ในมื้อเย็นและ ควรที่จะ บริโภคของหวาน ในเวลากลางวันแทน หรือ ถ้าหลังอาหารเย็นมี ความอยากของ หวานจริง ๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ หรือแตงโม ที่มีน้ำเยอะจะได้ชื่นใจ
• 3. เปลี่ยนจากการ ดื่มน้ำหวาน เป็นน้ำเปล่า หรือ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ให้เลือก น้ำผลไม้ คั้นสด หรือ อาจจะ เป็น น้ำผลไม้ปั่นแบบไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม เพราะใ นผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่แล้ว ส่วนเวลาบ่ายๆ คุณสามารถดื่มชาใส่นม หรือโยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบปราศจากน้ำตาลก็ได้
• 4. เลือก รับประทานอาหารที่มี ไฟเบอร์ โดยเฉพาะ ผักใบเขียวผลไม้สด รวมถึงรับประทานธัญพืชต่างๆ เพราะไฟเบอร์ จะช่วยให้คุณอิ่มมากขึ้น ลดความหิวระหว่างวันได้ดี
• 5. หักห้าม ใจในการเติมน้ำตาลลงไปในอาหารทุกอย่างที่คุณรับประทาน หากช่วงแรกยังทำไม่ได้ เราขอแนะนำให้คุณค่อยๆ ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งก่อน พอเริ่มคุ้นชินก็ลดลงเรื่อยๆ 

     5 วิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้เราก็ไม่ต้องเสี่ยงกับ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และ โรคหัวใจอีกต่อไปแล้วและ อย่าลืมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีน้ำตาลน้อย ๆ หรือหันมาบริโภคสารให้ความหวานจากธรรมชาติกันนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีจาก 

น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ (Organic Coconut Syrup By ManNature)

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

กิน “ของหวาน” แล้วมีความสุข

กาแฟเย็น ตัวการพาอ้วน