เคยสงสัยไหมว่า ค่าดัชนีน้ำตาลใน น้ำหวานดอกมะพร้าว มันเท่าไรกันนะ?
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

เคยสงสัยไหมว่า ค่าดัชนีน้ำตาลใน น้ำหวานดอกมะพร้าว มันเท่าไรกันนะ?


รู้หรือไม่ อาหารหรือ รวมไปถึง เครื่องดื่มที่เป็นคาร์โบไฮเดรต หรือ อาจจะ มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ สามารถวัดค่าของน้ำตาลได้ผ่าน ค่าดัชนีน้ำตาล ซึ่งวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบค่าดัชนีน้ำตาล ( GI ) ใน น้ำหวานดอกมะพร้าว กับสารให้ความหวานชนิดอื่นกัน

                                                                                           

            ก่อนอื่นเลย เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า ค่าดัชนีน้ำตาล มันคืออะไร และมันส่งผลอะไรต่ออาหาร ที่เรารับประทานไปบ้าง

 

            ค่าดัชนีน้ำตาล  หรือ มีอีก ชื่อภาษาอังกฤษว่า  Glycemic Index ( GI ) มันก็จะ เป็นหน่วยวัดผลของคาร์โบไฮเดรต ต่อระดับน้ำตาลในเลือด ว่ามีมากน้อยเพียงใด หลังจากที่กินอาหารชนิดนั้น ๆ 1 - 2 ชั่วโมง ซึ่งวัดจากระดับน้ำตาลในเลือด หลังทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 50 กรัม เทียบกับน้ำตาลกลูโคส หรือขนมปังขาว ที่เป็นค่ามาตรฐาน คือ 100  

 

            และถ้า หากคาร์โบไฮเดรต แตกตัวอย่างรวดเร็ว และ ในระหว่างการย่อยอาหารมันก็จะไป ทำให้กลูโคส สามารถไป เข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตอย่างรวดเร็ว และ นั้นหมายความว่า อาหารชนิดนั้น มีค่า GI สูง แต่ถ้าหากคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นการ แตกตัวอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ ให้กลูโคสเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต อย่างสม่ำเสมอ หมายความว่า อาหารชนิดนั้น มีค่า GI ต่ำ ซึ่งดีต่อสุขภาพของผู้รับประทานมากกว่า

 

โดยค่าดัชนีน้ำตาล ( GI ) เราจะ สามารถแบ่งช่วงได้ประมาณ 3 ระดับ ได้แก่

 

  • ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ( Low GI ) : ที่จะ ต้องมีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 55  ตัวอย่างอาหาร เช่น ผักใบเขียว แครอท ถั่วเมล็ดแห้ง ส้ม องุ่น พีช น้ำแอปเปิ้ล โยเกิร์ต ขนมปังโฮมวีต เป็นต้น 
  • ค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง ( Medium GI ) : มีค่าในระดับ 56 - 75  ตัวอย่างอาหาร เช่น เส้นหมี่ สับปะรด มะละกอ ลำไย มะม่วง ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น 
  • ค่าดัชนีน้ำตาลสูง ( High GI ) : มีค่าที่มากกว่า 75  ตัวอย่างอาหาร เช่น ขนมปังฝรั่งเศส ข้าวขาว ข้าวเหนียว คอร์นเฟลค โดนัท เฟรนฟราย มันฝรั่งบด แตงโม เป็นต้น

 

และสำหรับ อาหารที่ยิ่งมีค่า Glycemic Index ( GI ) ที่จะเป็นค่า ที่ สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มี น้ำตาลในเลือดมากเท่านั้น และมัน จึงมีความเสี่ยงต่อการ ที่ก่อนให้เกิด โรคเบาหวาน ความดัน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรืออาจจะ รวมไปถึง โรคหัวใจได้ ดังนั้น เราจึงควรหลีกเลี่ยง และควร มีการรับประทานอาหารที่มีค่า GI สูงให้ได้มากที่สุด จะเป็นผลดีต่อร่างกาย ของเรา นั่นเอง ค่า GI ของสารให้ความหวาน แต่ละชนิด  คาราเมล มีค่า GI 65 ( ระดับน้ำตาลปานกลาง )  น้ำตาลทราย มีค่า GI  64 ( ระดับน้ำตาลปานกลาง )  และ น้ำผึ้ง มีค่า GI  58 ( ระดับน้ำตาลปานกลาง )  เมเปิ้ลไซรัป มีค่า GI  54  (ระดับน้ำตาลต่ำ )  รวมไปถึง น้ำหวานดอกมะพร้าว มีค่า GI 35 ( ระดับน้ำตาลต่ำ )

 

และ ซึ่ง นั้นเอง จากสารให้ความหวานทั้งหมด ประมาณ 5 ชนิด น้ำหวานดอกมะพร้าว จึงมีค่า GI น้อยที่สุดเพียง 35 และ รวมไปถึง น้ำหวานดอกมะพร้าว 1 ช้อนชา ให้พลังงานเพียง ประมาณ 15 กิโลแคลอรี่ เท่านั้นเอง มัน จึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการใช้สารแทนความหวาน และ ที่มีน้ำตาลน้อย โดยเฉพาะกับ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือคนที่มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอล ที่ยังต้องการความหวาน และเหมาะสำหรับผู้ใส่ใจในสุขภาพ เพราะมีดัชนีน้ำตาลต่ำ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ให้ต่ำลงและป้องกันโรคเบาหวานได้

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

หวานนี้ดีอย่างไร น้ำหวานดอกมะพร้าว( organic coconut syrup )

น้ำหวานดอกมะพร้าว เหมาะกับ ผู้ป่วย เบาหวาน อย่างไร


Tag :


บทความที่แนะนำ