ขาดหวานไม่ได้ แก้ด้วย น้ำหวานดอกมะพร้าว

คนไทยรับประทานหวานกันมากขึ้น สังเกตได้จากยอดผู้ป่วยเบาหวานที่เพิ่มขึ้นทุกปี หากแก้อาการ ขาดหวานไม่ได้ ควรเปลี่ยนสารให้ความหวานที่ดีต่อสุขภาพอย่าง น้ำหวานดอกมะพร้าว

พฤติกรรมการบริโภคหวาน

อาหารในเกือบทุกชนิดในปัจจุบัน มี " น้ำตาล " เป็นองค์ประกอบของอาหารด้วย รวมไปถึง เครื่องดื่มและขนมต่าง ๆ ก็ล้วนมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ เราจึงหลีกเลี่ยงการรับประทาน "น้ำตาล" ได้ยาก หากไม่ได้ทำอาหารด้วยตนเอง ซึ่งชนิดของน้ำตาลที่มีการใช้กันมาก คงหนีไม่พ้น  " น้ำตาลทราย " หรือ ซูโครส คือ น้ำตาลทรายขัดขาวบริสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นก้อนผลึกเล็ก ๆ ให้ความหวานได้ 100%

น้ำตาลทราย จัดอยู่ใน ประเภท ของอาหารทั่วไป ที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย. ก็สามารถ นำมาใช้ปรุงอาหาร ได้อย่างปลอดภัย โดยโครงสร้างของ น้ำตาลทราย ประกอบไปด้วย น้ำตาลทราย 2 ชนิด ได้แก่ กลูโคส ( Glucose ) และฟรุคโตส ( Fructose ) ซึ่งเมื่อทาน น้ำตาลชนิดนี้เข้าไป ร่างกายจะ ทำการย่อย น้ำตาลซูโครส ( Sucrose ) ให้เป็นน้ำตาล 2 ชนิดนี้ ก่อนจะนำไปใช้ประโยชน์ ต่อไปนั่นเอง

น้ำตาลทราย ที่มีการขายอยู่ในท้องตลาดนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดง โดยน้ำตาลทรายขาว ได้มาจากการทำน้ำอ้อยให้ตกผลึกเป็นน้ำตาล และผ่านกระบวนการที่เรียกว่า "Purifying process" หรือกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ โดยทำการกำจัด กากน้ำตาลออกไป ทำให้ได้น้ำตาล ที่มีแค่ก้อนผลึกสีขาว เท่านั้น

ส่วนน้ำตาลทรายแดง มีความแตกต่างจากน้ำตาลทรายขาว คือ แค่มีกระบวนการผลิตที่น้อยกว่า ทำให้สามารถรักษากากน้ำตาลได้ ในส่วนหนึ่งและ มีสีที่แตกต่างจาก น้ำตาลทรายขาวอย่างชัดเจน ซึ่งน้ำตาลทรายทั้ง 2 รูปแบบนี้ หากคิดเป็น 1 ช้อนชา ให้พลังงานประมาณ 19 กิโลแคลอรี่ เลยทีเดียว แตกต่างจาก น้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup ) ที่ในปริมาณ 1 ช้อนชา ให้พลังงานเพียง 15 กิโลแคลอรี่

น้ำหวานดอกมะพร้าว คืออะไร?

น้ำตาลดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup ) เป็นน้ำหวานเข้มข้น ที่ผลิตได้จาก ดอกมะพร้าวธรรมชาติ 100% โดยไม่ใช่วัตถุกันเสีย ไม่เติมสี ไม่ใส่ กลิ่น รวม ทั้งไม่เจือปน น้ำตาลทรายแดง  จึงเป็นน้ำตาลทางเลือกอีกแบบหนึ่ง เพื่อดีต่อสุขภาพของผู้ที่บริโภค นอกเหนือจาก พวกน้ำตาลโลวแคลอรี่ ( low-calorie ) และพวกหญ้าหวาน ทั้งหลาย

ทั้ง น้ำตาลทราย และน้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup ) ต่างก็เป็นสารให้ให้ความหวานได้เหมือนกัน แต่สารให้ความหวานทั้ง 2 ชนิดนี้ มีค่าน้ำตาลที่แตกต่างกัน โดยสามารถวัดได้จาก ค่า GI หรือ ค่าดัชนีน้ำตาล ที่สามารถวัดผลของคาร์โบไฮเดรต ต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ ว่ามีมากน้อยเพียงใด หลังจากที่กินอาหารชนิดนั้น ๆ 1 - 2 ชั่วโมง ซึ่งวัดจากระดับน้ำตาลในเลือด หลังทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ประมาณ 50 กรัม เทียบกับน้ำตาลกลูโคส ที่เป็นค่ามาตรฐาน คือ 100

โดยอาหารที่ยิ่งมีค่า GI สูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มี น้ำตาลในเลือดมากเท่านั้น จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดัน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรือโรคหัวใจได้ ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาลของ น้ำตาลทราย อยู่ที่ 60-65 % ส่วนน้ำหวานดอกมะพร้าว มีค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ที่ 35% จึงบ่งบอกได้ว่า การบริโภคน้ำหวานดอกมะพร้าว ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำกว่า การบริโภค น้ำตาลทราย จึงมีผลดีต่อสุขภาพมากกว่า และไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ

ผู้ที่ติดการทานหวาน หากเปลี่ยนมาใช้ น้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup ) เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทราย รวมถึงน้ำตาลชนิดอื่น ๆ จะส่งผลดีต่อสุขภาพของตนเองได้

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ ด้วยความปรารถนาดีจาก  น้ำหวาน ดอกมะพร้าว ออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ ( Organic Coconut Syrup By ManNature )

อ่านบทความเพิ่มเติม

เปลี่ยนมาทาน น้ำหวานดอกมะพร้าว ลดความอ้วน ได้หรือไม่

น้ำหวานดอกมะพร้าว สารให้ความหวาน ทดแทนน้ำตาลได้