น้ำหวานดอกมะพร้าว ให้คุณค่าไม่แพ้ สารให้ความหวาน
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

น้ำหวานดอกมะพร้าว ให้คุณค่าไม่แพ้ สารให้ความหวาน


สารให้ความหวาน ยังใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก และดูแลรูปร่าง แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ต่างจาก สารให้ความหวาน เลยนั่นก็คือ น้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup )

 

สารให้ความหวาน คืออะไร ?

     สารให้ความหวาน คือ สารที่มีรสชาติหวาน ส่วนมากจะหวานกว่าน้ำตาล โดยปกติแล้วจะไม่ให้พลังงาน หรือให้พลังงานที่ต่ำกว่าน้ำตาลมาก และถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางเพื่อที่จะลดการรับประทานน้ำตาลปกติลง โดย สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลเหล่านี้ บางส่วนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ( จากพืช ) และบางส่วนนั้นมนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมาสารให้ความหวาน ที่ถือว่านิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมกันอยู่ในปัจจุบัน มาดูกันว่า สารให้ความหวาน นั้นมีอะไรบ้าง

 

1. แอสปาแตม ( Aspartame )

     แอสปาแตม ( Aspartame ) เป็นน้ำตาลเทียมที่ทำจากสารเคมีเป็นส่วนใหญ่ จะให้ความหวานกว่าน้ำตาลธรรมชาติถึง 200 เท่า มีรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลทราย แต่จะทิ้งรสขมเล็กน้อยหลังจากทาน ทั้งยังไม่ให้เกิดภาวะฟันผุ และไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือดสูง จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในเครื่องดื่มน้ำอัดลม และคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน คณะกรรมการอาหารและยาในอเมริกาได้ยอมรับสารแอสพาแตมเมื่อปี 1980 และในปี 1983 ก็ยอมให้ใช้แอสพาแตมผสมในเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารและยาที่มีแอสพาแตมเป็นส่วนประกอบมากถึง กว่า 6,000 ชนิดทั่วโลก สามารถใช้แทนความหวานให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ เพราะตัวแอสปาแตมไม่มีพลังงานจึงไม่มีผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่มีข้อเสียเพราะโครงสารของแอสปาร์แตมจะเปลี่ยนไปเมื่อโดนความร้อนสูง และเมื่อเก็บไว้นาน จึงไม่ควรใช้แอสปาร์แตมปรุงอาหารที่ตั้งไฟร้อน ๆ และไม่ควรเก็บไว้นาน ๆ

     ถึงแม้ว่าจะแอสปาแตมจะให้พลังงานน้อยมาก แต่มีงานวิจัยเชื่อมโยงแอสปาร์แตมเข้ากับอาการปวดไมเกรนในผู้ใช้บางคน และความเป็นสารเคมีเมื่อบริโภคไปนาน ๆ อาจให้ผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ นอกจากนี้ยังมีผลจากงานวิจัยบางตัวเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง และการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ถ้าทานในระหว่างตั้งครรภ์ แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะออกมาต้านทานโดยมีงานวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่า แอสพาแตมไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นักวิทยาศาสตร์พวกหนึ่งโจมตีกล่าวหา แต่อย่างไรก็ตามที่อะไรมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น เอาเป็นว่ารับประทานอย่างมีสติ และใช้อย่างพอดี ไม่พึ่งพามากจนเกินไปก็ไม่เกิดผลเสีย

 

2. ซูคราโลส ( Sucralose )

     ซูคราโลส ( Sucralose ) เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นเคมีแต่ก็เป็นเคมีที่ ไม่มีสารสะสมในร่างกายเนื่องจากขบวนการผลิตองค์การอนามัยโลกยอมรับเป็นทางการแล้วว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าน้ำตาลจากธรรมชาติ เดี๋ยวนี้น้ำอัดลมบางยี่ห้อก็ใช้ความหวานจากซูคราโลสจึงโฆษณาว่าดื่มแล้วไม่อ้วน และยังนิยมใช้ซูคราโลสให้ความหวานกับขนม ชา กาแฟที่โฆษณาว่าดื่มเพื่อลดความอ้วนเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ข้อดีของซูคราโลส  คือให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาล อร่อยแต่ไม่มีรสขมติดลิ้น และไม่ให้พลังงาน ละลายน้ำได้ดี ใช้ปรุงอาหาร และขนมทุกชนิดที่ต้องใช้ความร้อนสูง และไม่สูญเสียความหวาน ไม่เหมือนน้ำตาลเทียมที่ใส่ได้เฉพาะกาแฟ ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด หรือระดับอินซูลิน ผู้ป่วยเบาหวานใช้ได้ตามปกติเช่นเดียวกับสารให้ความหวานอื่น ๆ ไม่ทำให้ฟันผุเหมือนรับประทานน้ำตาล และเก็บรักษาเช่นเดียวกับน้ำตาล

 

3. หญ้าหวาน ( Stevia )

     หญ้าหวาน ( Stevia ) เป็นสารแทนความหวานที่ดีที่สุด และเป็นธรรมชาติที่สุด จะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 250 – 300 เท่า แต่ไม่ถูกย่อยให้เกิดพลังงาน จึงทำให้มีพลังงานน้อยมาก หญ้าหวานจะออกรสหวานช้ากว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อย และรสหวานจะจางหายไปช้ากว่าน้ำตาลทราย ข้อดีของหญ้าหวานก็คือ สามารถทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส โดยไม่สลายตัว ดังนั้น นอกจากจะใช้ใส่ในเครื่องดื่มแล้วยังสามารถเอามาทดแทนน้ำตาลในการปรุงอาหาร ที่ต้องผ่านการหุงต้มได้อีกหลายอีกชนิด ซึ่งชนชาติญี่ปุ่น และเกาหลีก็ใช้กันมานาน ทั้งในการหมักเนื้อ หมักปลา หมักผักดอง เครื่องดื่ม ก็ใช้หญ้าหวานเป็นสารทดแทนความหวานรวมไปถึงยาสีฟันที่ลดอาการฟันผุได้ด้วย โดยสรุปแล้วหญ้าหวานน่าจะเป็นสารทดแทนความหวานที่ปลอดภัย และยังไม่มีรายงานข้อแทรกซ้อนจากการใช้ และได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่อนุญาตให้นำสารสกัดจากหญ้าหวานมาขึ้นทะเบียนเป็น สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลได้ อาจจะหาซื้อยากสักหน่อย

 

4. น้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut syrup )

     น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup ) เป็นน้ำหวานเข้มข้นที่ผลิตได้จากดอกมะพร้าวธรรมชาติ 100% โดยไม่ใช่วัตถุกันเสีย ไม่เติมสี ไม่ใส่กลิ่น รวมทั้งไม่เจือปนน้ำตาลทรายแดง สามารถใช้แทนความหวานของน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม รสชาติหวานกลมกล่อม เหมาะสำหรับปรุงอาหารทำขนม ผสมเครื่องดื่มนอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ และสารอาหาร ที่ครบถ้วน เช่น เหล็ก ทองแดง โพแทสเซียม กรดอะมิโน เกลือแร่ วิตามินซี และวิตามินบี1 ที่มีมากกว่าน้ำตาลชนิดอื่น เป็นต้น ร่างกายจึงดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่เลือด อย่างช้า ๆ ทำให้ได้พลังงานอย่างสม่ำเสมอดีต่อสุขภาพ แถมแคลอรี่ต่ำกว่าน้ำตาลทั่วไปด้วย ใช้ได้ดีกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือคนที่มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลที่ยังต้องการความหวาน เหมาะสำหรับผู้ใส่ใจในสุขภาพ เพราะมีดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง และป้องกันโรคเบาหวานได้

 

การใช้ สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลมีผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ?

  • ไม่ทำให้ฟันผุ การใช้ สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลในน้ำอัดลม หมากฝรั่ง ลูกอม ยาอม สามารถลดความเสี่ยงของฟันผุได้
  • ช่วยในเรื่องน้ำหนัก สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลเหล่านี้มีพลังงานน้อยมาก หรือไม่มีพลังงานเลยด้วยซ้ำ ดังนั้น จึงน่าจะเหมาะกับการนำมาใช้ลดน้ำหนักได้ แต่ก็ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม
  • ระบบประสาท การกินแอสปาแตมอาจจะกระตุ้นให้เกิดปวดหัวไมเกรนในคนบางคน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกลในการเกิดที่ชัดเจน

 

     สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลแม้จะดู ว่ามีประโยชน์ และนำมาใช้แทนที่น้ำตาลเพื่อลดพลังงาน และในผู้ป่วยที่ต้องจำกัดการบริโภคน้ำตาล แต่การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ เพราะ สารให้ความหวาน แทนน้ำตาลบางชนิดนั้น ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย

 

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ

ด้วยความปรารถนาดีจาก น้ำหวานดอกมะพร้าว ออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ ( Organic Coconut Syrup By ManNature )

 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม

เทียบค่า GI สารให้ความหวานกับ น้ำหวานดอกมะพร้าว

ปรับพฤติกรรมทานหวานด้วย น้ำหวานดอกมะพร้าว


Tag :


บทความที่แนะนำ